การเลือกซื้อรถมือสอง
ท่านที่ต้องการซื้อรถมือสองหรือรถใหม่ก็แล้วแต่
ควรรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของตัวเองเสียก่อนว่าจะนำรถไปใช้เพื่อวัตถุ
ประสงค์อะไรปัจจัยต่อไปที่เราจะพูดถึงก็คือ
การพิจารณาในการเลือกซื้อรถมาใช้ ควรดูว่ารถที่เราจะขับเป็นรถยี่ห้ออะไร
และมีศูนย์บริการหรือบริการหลังการขายอย่างไร อะไหล่มีราคาถูกหรือราคาแพงและหาได้ง่ายหรือไม่
เพราะรถมือสองอาจจะต้องมีการซ่อมหลังจากการซื้อมามากหน่อย
ซึ่งถ้าเป็นรถทางค่ายยุโรปอาจจะมีปัญหาเรื่องการหาอะไหล่ราคาถูกได้ยาก
หรืออาจจะต้องรออะไหล่นาน สิ่งเหล่านี้สามารถดูได้จากความนิยมในการใช้ทั่วๆ ไป
ถ้ามีความนิยมใช้มากอะไหล่ก็จะหาได้ง่ายและมีราคาถูก ดูปีที่ผลิตรถว่ารถเก่าไปไหม หรือจะใช้ได้อีกนานหรือไม่
ดูว่าหากต้องการขายต่อ ยังพอได้ราคาอยู่หรือเปล่า ดูเลขกิโลเมตรกับปีรถว่าเหมาะสมกันหรือไม่
ซึ่งเรากำลังจะกล่าวถึงรายละเอียดในหัวข้อต่าง ๆ ต่อไปนี้ครับ
1. การตรวจเช็คสภาพภายนอกของรถยนต์ คือ การดูตัวถังภายนอกและการดูสีของรถยนต์
หมายเหตุ : ควรทำการตรวจสอบในที่ที่มีแสงสว่างพอเหมาะ แต่ไม่ควรอยู่กลางแดดจัด
-
ยืนในตำแหน่งหน้ารถ แล้วนั่งลงมองในระดับฝากระโปรงหน้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ดูเส้นขอบตรงหน้ารถไปจรดท้ายที่เป็นเส้นตรงว่ารอยหรือเส้นขอบต่างๆ ผิดเพี้ยนหรือไม่
หากพบรอยยุบของเส้นขอบที่ไม่ต่อเนื่อง
อาจสันนิษฐานได้ว่ารถได้ผ่านการทำสีมาแล้ว
-
เดินดูรอบรถโดยดูเส้นขอบของประตูเป็นแนวเดียวกันหรือไม่ มีรอยโค้ง รอยนูนหรือเว้าหรือไม่
-
ดูช่องว่างระหว่างประตูแต่ละบานว่าเหมาะสมกันหรือไม่
-
ดูตัวถังว่ามีการโป๊วสีมาหรือไม่ โดยการใช้นิ้วดีดหรือเคาะเพื่อทำการฟังเสียง
บริเวณที่มีเสียงทึบอาจเป็นจุดที่ผ่านการทำสีมาก่อน
เสียงที่ดีควรเป็นเสียงป๊อกๆ
-
ตรวจสอบผิวสีว่าเรียบเป็นปกติเหมือนกันทั้งคันหรือไม่ สังเกตรอยนูนหรือเว้า หรือลักษณะของสีที่แตกต่างกัน
-
ดูส่วนประกอบรอบๆ รถ เพื่อประเมินลักษณะการใช้งานของเจ้าของเก่า
2. การดูภายในห้องเครื่องยนต์ เปิดฝากระโปรงหน้าขึ้น
ข้อควรระวัง : การตรวจสอบอย่างละเอียดช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และช่วยประเมินประวัติการซ่อมแซมของรถยนต์
-
ตรวจสอบคานหน้าหม้อน้ำ ตรวจดูทั้งด้านบนและล่าง ตรวจรูน๊อตยึด ความกลมของรูน๊อต
-
ตรวจสอบสีในห้องเครื่องยนต์ สังเกตความกลมกลืนของสี หากสีเหมือนกันแต่ดูใหม่ อาจมีการยกเครื่องออกมาเพื่อซ่อมตัวถังหรือเครื่องยนต์
-
ตรวจสอบตะเข็บรอยต่อ เปรียบเทียบความเหมือนกันระหว่างด้านซ้ายและขวา
-
ตรวจสอบซุ้มล้อหน้า ซุ้มล้อซ้าย ซุ้มล้อขวา สติ๊กเกอร์ NAME PLATE
-
ตรวจสอบร่องน้ำไหล สังเกตทั้งด้านซ้ายและขวา รอยบุบหรือคดของร่องน้ำไหลอาจบ่งชี้ถึงการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่เพียงการทำสีใหม่
3. การดูเครื่องยนต์
-
คราบหรือร่องรอยของการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง
-
ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก, คลัทช์, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ สีต้องเป็นปกติและสะอาด
-
ระดับน้ำยาหล่อเย็น จะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด
-
ระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ สีและกลิ่นของน้ำมัน
-
ระดับน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด สีและกลิ่นต้องอยู่ในสภาพที่ดี
-
สภาพของสายพานต่าง ๆ จะต้องไม่แตกร้าว ความตึงพอเหมาะ
-
ตรวจหม้อน้ำ, ฝาปิดหม้อน้ำ จะต้องไม่รั้วและมีน้ำอยู่ในระดับที่พอเหมาะ
-
สภาพของสายไฟในห้องเครื่องยนต์จะต้องจัดเก็บเรียบร้อย
-
แบตเตอร์รี่จะต้องไม่บวม ขั้วแบตเตอร์รี่สภาพดี และดูอายุของแบตเตอร์รี่,สภาพของน้ำกลั่น
-
ติดเครื่องฟังเสียงของเครื่องยนต์ว่าผิดปกติหรือไม่ และจะติดเครื่องได้โดยง่าย
-
เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วสังเกตเสียงว่าผิดปกติหรือไม่ เครื่องยนต์เดินเรียบหรือเปล่า
-
ตรวจการรั่วของกำลังอัด ดูไอน้ำมันเครื่อง โดยดึงก้านวัดน้ำมันขึ้นมาดูว่ามีควันหรือกลิ่นไหม้ ถ้าไม่มีถือว่าใชได้ และจะต้องไม่มีแรงดัน ดันออกมาทางด้านก้านวัดน้ำมันด้วย
-
เดินไปท้ายรถสังเกตควันที่ออกจากท่อไอเสีย จะต้องไม่ขาวและดำ ถ้าผิดปกติแสดงว่าเครื่องยนต์ทำงานบกพร่อง อาจจะต้องมีการทำเครื่องยนต์ใหม่
4. การดูห้องโดยสาร
-
แผงหน้าปัด ดูไฟเตือนต่างๆ ขณะเปิดสวิทซ์กุญแจ ต่อจากนั้นสตาร์ทเครื่อง ไฟเตือนต่าง ๆ จะต้องดับลง
-
ระบบเครื่องเสียงใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
-
ระบบปรับอากาศ อุณหภูมิของลม การปรับตั้ง Mode, Fan, Temperature ทำงานได้ดีหรือเปล่า
-
ไฟส่องสว่างภายในรถ เช็คสัญญาณไฟเลี้ยว, ไฟสูง ว่าติดที่หน้าปัทม์หรือไม่ขณะทำการเปิด
-
กระจกหน้าต่างทุกบานปิดสนิทหรือไม่
-
เบาะนั่งอยู่ในสภาพใช้งานได้เป็นปกติสามารถทำการปรับตั้งได้หรือไม่
5. ดูห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ การดูคล้าย ๆ กับห้องเครื่องยนต์
-
รอยตะเข็บต่าง ๆ , รอยเชื่อม, รอยบัดกรี จะต้องไม่ผิดเพี้ยนจากจุดใกล้เคียง
-
ร่องรอยการทำสี ว่ามีสีที่ดูใหม่กว่าจุดอื่นหรือไม่
-
รางน้ำฝากระโปรง ต้องไม่เสียรูป
-
ถ้าเป็นรถเก๋งควรเปิดพรมท้ายรถดูว่ามี เครื่องมือ, ยางอะไหล่อยู่หรือเปล่า และตรวจดูว่ามีน้ำขังอยู่หรือไม่ ถ้ามีอาจเกิดจากการรั่วของรอยตะเข็บบริเวณรางน้ำของฝากระโปรงท้ายได้
6. ตรวจสอบช่วงล่าง
-
กดรถทางด้านหน้าและหลัง เพื่อดูการทำงานของโช๊คอัพจะต้องไม่แข็งและเด้งเร็วเกินไป และดูว่ามีคราบน้ำมันจำนวนมากที่บริเวณโช๊คอัพหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าน่าจะชำรุด
-
ดูยางทั้ง 4 เส้นว่าสภาพของดอกยางมีการสึกหรอสม่ำเสมอหรือไม่ ถ้าไม่สม่ำเสมอแสดงว่าช่วงล่างและศุนย์ล้อน่าจะมีปัญหาสังเกตยางมีการปริแตก หรือฉีกขาดหรือเปล่า ยางยี่ห้อเดียวกันและรุ่นเดียวกันทั้งหมดหรือไม่ เพราะยางแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะมีการออกแบบมาใช้งาน และการบรรทุกจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับการผลิตของยางยี่ห้อนั้นๆ ถ้าใช้ยางผิดประเภทจะทำให้เกิดอันตรายได้
-
ระยะฟรีพวงมาลัยจะต้องมีเล็กน้อย ถ้ามากเกินไปเป็นไปได้ว่า ลูกหมากจะมีปัญหา
-
ถ้าสามารถทำการตรวจสอบใต้ท้องรถได้ ให้ดูว่ามีการผุกร่อนของตัวถังบริเวณใต้ท้องหรือไม่ แซสซีส์ต้องตรงไม่การ บิดเบี้ยว ผุ หรือทีรอยเชื่อมที่เกิดจากการหักของแซสซีส์
7. การทดสอบโดยการขับขี่ ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกขับตามสภาพถนนหลาย ๆ แบบ
-
ทดสอบระบบรองรับว่าทำงานได้ดีหรือไม่ เช่นโช๊คอัพ, สปริง, แหนบ ขณะทำการวิ่งทดสอบว่ามีเสียงดังเกิดจากช่วงล่างหรือไม่
-
ขณะทำการเร่งเครืองยนต์ มีเสียงดังเกิดขึ้นผิดปรกติหรือไม่
-
ขณะรถวิ่งมีเสียงเข้ามาในห้องโดยสารมากน้อยเพียงใด
-
เวลาวิ่งด้วยความเร็วสูงรถควรมีการเกาะถนนที่ดีพอ และจะต้องไม่มีอาการส่ายหรือโครงไปมา
-
ทดลองเลี้ยวซ้ายและขวาดูว่า ช่วงล่างเกิดเสียงดังหรือไม่
-
การทำงานของเบรกระบบ ABS ทำงานเป็นปกติหรือไม่ โดยทำงานของเบรก ABS ขณะเบรกแบบกระทันหันจะมีการเคลื่อนตัวขึ้นลงแป้นเบรกเป็นระยะ ในขณะที่ไม่ได้ถอนเท้าออกจากแป้นเบรก ถ้ามีแสดงว่าเป็นปกติ
-
ทดสอบศูนย์ขณะรถวิ่ง ว่าดึงไปมาข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ และพวงมาลัยตรงพอดีหรือไม่
-
การตัดต่อของคอมเพรสเซอร์แอร์ขณะขับขี่มีเสียงดังเป็นปกติหรือไม่ หากมีเสียงดังเกินไปอาจเกิดจากลูกปืนคลัทช์หน้าคอมเพรสเซอร์แอร์ชำรุด
-
หลังจากขับทดสอบแล้วให้ติดเครื่องทิ้งไว้สักครู่ เพื่อดูความผิดปกติอีกครั้ง
8. การดูเอกสารเล่มทะเบียนรถยนต์
เราจะรู้ประวัติของรถยนต์เบื้องต้นได้โดยการตรวจสอบดูจากเล่มทะเบียนรถยนต์ จะทำให้ทราบว่ารถคันนี้ผ่านการใช้งานมาแล้วกี่ราย มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์และสีของรถยนต์หรือเปล่า ควรเลือกซื้อรถที่ผ่านการใช้งานมามือเดียว หรือจากเจ้าของคนเดียว จะช่วยให้เราสามารถซักถามประวัติการใช้รถได้ เอกสารที่ควรใส่ใจมากที่สุด คือสมุดจดทะเบียนไม่ควรมีการแก้ไขโดยไม่มีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ขนส่ง กำกับ หากสมุดจดทะเบียนมีข้อน่าสงสัยไม่ควรทำการซื้อขายรถคันดังกล่าว
แต่พอจะสรุปสุดท้ายก็คงต้องดูที่ราคาว่าเหมาะสมกับรถไหม เพราะการซื้อรถมือสองก็ต้องดูตามสภาพความเป็นจริงว่าสภาพรถขนาดนี้ ราคาก็น่าจะอยู่ประมาณนี้ เพราะถ้าจะเอารถมือสองคุณภาพเทียบเท่ารถใหม่ จะให้ราคาถูกก็คงหาได้ยากหรือหาไม่ได้เลย เพระาฉะนั้นควรระลึกไว้ด้วยว่าของถูกและดีไม่มีในโลก ควรเลือกแบบที่เหมาะสมกับราคาตามสภาพรถ และวัตถุประสงค์ของการใช้งาน
สนใจรถยนต์มือสองคุณภาพดี ติดต่อได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02-021-2288
เบอร์โทรศัพท์ : 063-902-7290
เฟซบุ๊ก : โตโยต้า พิธานพาณิชย์ ยูสคาร์