
เรื่องน่ารู้ของเกียร์อัตโนมัติ
ก่อนอื่นก็มาทีความรู้จักกับเกียร์อัตโนมัติกันซะก่อ น
เพราะยังมีอีกหลายท่านที่เคยแต่เพียง “เห็น” ยังไม่เคยทำความคุ้นเคยหรือสัมผัสกันอย่างจริงจังเสี ยที
แบบนั้นจัดว่ารู้จักว่าเป็นเกียร์อัตโนมัติเฉย ๆ แต่ยังไม่รู้จักอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะขับก็ควรมาศึกษารายละเอียดกันก่อน
หลายคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นก็ในเมื่อเขาทำมาให้ขับง่ ายสะดวกสบายแล้วทำไม ต้องมีการศึกษาอะไรอีก
ก็เป็นเพียงความเข้าใจที่ถูกต้องเพียงบางส่วนที่คิดว ่าเพียงแต่ขยับตำแหน่ง คันเกียร์มาที่ตัว D
แล้วก็เหยีบคันเร่งเท่านั้นก็ขับรถไปไหน ๆ ได้แล้ว ผู้ที่ขับขี่เป็นแต่ในลักษณะนี้ล่ะครับที่จัดอยู่ในข
ั้นที่น่าเป็นห่วง เพราะจะมีอันตรายตามมาอีกหลายอย่าง เช่น การขับรถในสภาพทางที่เป็นภูเขาสูงหรือที่เคยมีข่าวรถ
วิ่งไปทับเจ้าของจนตาย ตอนเปิดประตูบ้านก็เข้าข่ายที่ “รู้..แต่ยังรู้ไม่หมด” นั่นเอง
หลักการทำงานแบบย่อ ๆ ของเกียร์อัตโนมัติ
ก็คือเกียร์ที่ผลิตมาให้ขับรถได้ง่ายสะดวกสบายขึ้น คือ รถจะมีการเปลี่ยนเกียร์ของมันเองตอนเดินหน้าด้วยการข
ยับเข้าเกียร์เพียง ครั้งเดียว และไม่ต้องเหยียบคลัทซ์เพราะไม่มีให้เหยียบ
การขับขึ่จึงใช้เพียงเท้าขวาเพียงข้างเดียวใช้เหยียบ คันเร่งกับเบรคเท่านั้น
ส่วนเท้าซ้ายไม่ต้องใช้ที่เป็นเช่นนี้เพราะการออกแบบ ระบบการทำงานของเกียร์ อัตโนมัติที่แตกต่างจากเกียร์ธรรมดา
โดยชุดคลัทซ์ได้เปลี่ยนมาใช้ตัว “ทอร์คคอนเวอร์เตอร์” ช่วยในการตัดต่อการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปที่เกียร
์แทน ซึ่งเท่ากับเป็นคลัทซ์อัตโนมัติที่เราไม่ต้องเหยียบเ พราะมันจะทำการจับตัว ของมันเองตามรอบเครื่องที่เพิ่มขึ้น
โดยใช้ของเหลวเป็นตัวส่งกำลังด้วยความหนืด หลักการก็เหมือนกับมีพัดลม 2 อัน
อันหนึ่งเปิดไว้เอามาเป่าให้อีกอันหนึ่งหมุนตามทำให้ เกิดการส่งกำลังได้ทำ
ให้สามารถเข้าเกียร์ได้โดยเครื่องไม่ดับขณะเครื่องเด ินเบาและรถจอดนิ่งเหยี ยบเบรคไว้
ส่วนระบบเกียร์เมื่อเข้าเกียร์ให้รถขับเคลื่อนไปแล้ว การทำงานจะเป็นไปโดยอัตโนมัติคือ
การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จะมีการตั้งโปรแกรมการทำงานใ ห้เหมาะสมกับความเร็ว รอบของเครื่องยนต์
เหมือนตอนที่เราเข้าเกียร์ด้วยความรู้สึกของเรา แต่ในเกียร์อัตโนมัติใช้กลไกต่าง ๆ มาทำงานแทน
โดยแต่เดิมจะมีแต่ระบบกลไกโดยใช้แรงดันในระบบน้ำมันเ กียร์ซึ่งมีปั๊มสร้าง แรงดันเช่นเดียวกับระบบไฮดรอลิก
ซึ่งแรงดันที่เพิ่มขึ้นตามความเร็วรอบเครื่องยนต์จะถ ูกนำมาใช้ในการเปลี่ยน ตำแหน่งเกียร์
ภายในเกียร์อัตโนมัติจะใช้เกียร์แบบเพลนเนตทารี่เกีย ร์ ซึ่งเป็นชุดเกียร์ที่ออกแบบให้เฟืองของเพลาขับทดอยู่
กับเฟืองของเพลาตามภาย ในเฟืองวงแหวน ทำให้สามารถเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ได้ง่ายเพียงแต่ล็อก เฟืองชุดใดชุดหนึ่งด้วย
การจับตัวของแผ่นคลัทซ์แบบเปียกซ้อนกันหลาย ๆ แฟ่นทำให้การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ทำได้นุ่มนวลเมื่อท ำงานร่วมกับทอร์
คคอนเวอร์เตอร์ ยิ่งมาในยุคที่มีระบบอิเล็คทรอนิคส์เข้ามาช่วยในการท ำงานทำให้เกียร์
อัตโนมัติมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นมากโดยเฉพาะจ ังหวะการเปลี่ยนตำแหน่ง เกียร์ที่ทำได้นุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึก
และจังหวะการทำงานต่าง ๆ ที่ฉับไวยิ่งขึ้นมากโดยเฉพาะจังหวะการเปลี่ยนตำแหน่ง เกียร์ที่ทำได้นุ่มนวล จนแทบไม่รู้สึก
และจังหวะการทำงานต่าง ๆ ที่ฉับไวยิ่งขึ้นมีโปรแกรมการทำงานมากยิ่งขึ้นกว่าใน ระบบเก่า
ซึ่งบางทีก็เรียกกันว่าเกียร์ไฟฟ้าเพราะจะมีกล่องควบ คุมการทำงานมาต่างหากใน รถบางรุ่น
“ตำแหน่งเกียร์”
เมื่อทราบหลักการทำงานแบบย่อ ๆ แล้วก็มาดูกันที่ตำแหน่งเกียร์ซึ่งจะมีบอกไว้ที่ตรงโ
คนของคันเกียร์ จะยกตัวอย่างเฉพาะในรถรุ่นปัจจุบันที่เกียร์อัตโนมัต ิจะมี 4 สปีดแล้ว นอกจากนี้ยังมีรถนั่งรุ่นใหม่ ๆ
ที่ได้มีเพิ่มเป็น 5 เกียร์สปีดแล้ว อย่างเช่น BMWที่ราคาหลายล้านบาท ตำแหน่งเกียร์ 4 สปีดที่พบทั่ว ๆ ไป
จะมีเขียนแสดงไว้นั้นพอจะอธิบายได้ดังนี้
ตัว P เป็นตำแหน่งที่ใช้ในการจอดรถ ซึ่งย่อมาจากภาษาอังกฤษ Parking แปลว่าจอดรถ
ซึ่งจังหวะนี้เพลากลางจะถูกล็อกทำให้รถเคลื่อนตัวไม่ ได้ ทุกครั้งที่จอดรถในทางชันเพื่อป้องกันรถไหลควรใช้ร่ว
มกับเบรคมือ แต่หากไปจอดตามห้างสรรพสินค้าหรือลานจอดรถไม่ควรใช้เ พราะหากไปขวางทางผู้ อื่นแล้วไม่สามารถเข็นรถได้
บรรพบุรุษจะโดนกล่าวถึงในทางไม่ดี ประโยชน์ อีกอย่างก็สามารถติดเครื่องได้ในตำแหน่งนี้เพราะจะเป ็นเกียร์ว่าง
แต่เพลากลางยังถูกล็อคไม่ให้รถไหล มีประโยชน์ตอนจอดในทางลาดชันทำให้ออกรถได้ง่ายขึ้นเม ื่อผู้ขับเหยียบเบรคและ
เปลี่ยนเกียร์มาในตำแหน่งให้รถขับเคลื่อนต่อไป
ต่อมาก็เป็นตำแหน่ง R ซึ่งย่อมาจาก Reverse อันนี้เป็นเกียร์ถอยหลัง การขยับคันเกียร์จากตำแหน่งอื่นมาให้ตำแหน่ง R
นี้ต้องกดปุ่มล็อคคันเกียร์นั้นจะอยู่ด้านข้างของหัว เกียร์ในรถทุกรุ่นเพื่อ
กันการลืมซึ่งจะทำให้ระบบเกียร์พังและกันการเข้าเกีย ร์ผิดในกรณีที่ไม่ได้
เหลือบตามามองสำหรับการขับปกติและผู้ชำนาญแล้ว
ตำแหน่ง N เป็นเกียร์ว่าง ซึ่งภาษาอังกฤษเขียนว่า Naturalตำแหน่ง นี้จะเหมือนกับเกียร์ว่างในรถเกียร์ธรรมดาที่สามารถเ
ข็นรถได้เวลาจอดตามลาน จอดรถและขวางคันอื่น ๆ อยู่ก็อย่าลืมใช้ตำแหน่งนี้เพื่อให้ยามหรือเจ้าของรถ
คันอื่นจะได้เข็นเลื่อน รถให้พ้นจากการกีดขวางได้เวลารถจอดติดไฟแดงก็ใช้ได้
ตำแหน่ง D หรือ Drive เป็นตำแหน่งที่ให้รถขับเคลื่อนไปข้างหน้า โดยเกียร์ทุกเกียร์จะทำงานเปลี่ยนตำแหน่งครบทั้งหมด
ตามความเร็วที่ตั้งโปรแกรมไว้ในการขับขี่รถทั่ว ๆ ไปบนถนนธรรมดาจะใช้ตำแหน่ง D
นี้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นซึ่งสะดวกสบายมาก
ตำแหน่ง 2 หมายถึงเกียร์จะทำงานเพียง 2 เกียร์ คือ เกียร์ 1 และ 2 เท่านั้น
ซึ่งเป็นการถูกล็อคเอาไว้ในตำแหน่งนี้เพื่อให้ใช้ตอน ที่ตอ้งการกำลังในการ ขับเคลื่อนสูง ๆ เช่น
การขับรถในทางที่เป็นภูเขาสูงชันมาก ๆ ซึ่งการล็อคเกียร์ไวให้ทำงานแค่ 2
เกียร์นี้จะช่วยในตอนลงจากที่สูงซึ่งจะใช้เครื่องยนต ์ช่วยเบรคผ่านอัตราทด
เกียร์ที่สูงนี้ได้เพื่อความปลอดภัยโดยเป็นการช่วยผ่ อนแรงการทำงานของระบบ
เบรคกันเบรคร้อนซึ่งทำให้เกิดอาการเบรคหายจากการเกิด ฟองอากาศในน้ำมันเบรค ที่เดือนเป็นไอ
ตำแหน่ง 1 อันนี้ก็เป็นการทำงานในเกียร์ 1 เพียงเกียร์เดียว ซึ่งเป็นการขับขึ้นทางสูงชันที่ต้องการแรงฉุดลากมากก
ว่าในเกียร์ตำแหน่ง 2 สังเกตง่าย ๆ ว่าจะใช้เมื่อไรดูได้จากเมื่อใช้ตำแหน่ง 2
พอรถวิ่งไปถึงความเร็วรอบเครื่องที่เกียร์เปลี่ยนเป็ นเกียร์ 2 รถจะไม่มีกำลังทำให้เกียร์เปลี่ยนมาที่ 1
อีกจะทำให้เสียจังหวะเราก็จัดการเปลี่ยนมาล็อกไว้ที่ เกียร์ 1 ซะเลยจะไปได้ดีกว่า รวมทั้งตอนลงทางชันที่ชันมากแบบค่อย ๆ
ย่องลงมาเกียร์ 1 จะช่วยในการหน่วงด้วยเครื่องยนต์ได้ดี ในตำแหน่ง 1 นี้ จะช่วยในการหน่วงด้วยเครื่องยนต์ได้ดี ในตำแหน่ง
1 นี้ รถบางรุ่นจะใช้ตัวอักษร Lแทนซึ่งหมายถึงตำแหน่งเกียร์ที่ต่ำสุด
“ปุ่มเลือกโปรแกรมต่าง ๆ”
นอกจากตำแหน่งเกียร์ต่าง ๆ ให้ เลือกใช้ก็จะมีปุ่มเลือกโปรแกรมต่าง ๆ
เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพของระบบเก ียร์อัตโนมัตินี้อีก อันแรกที่มีในรถรุ่นต่าง ๆ ก็คือ ปุ่ม OD (Over
Drive) จะมีให้เลือก 2 ตำแหน่งคือ On กับ Off เมื่อกดปุ่ม OD อยู่ในตำแหน่ง On และคันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D
โปรแกรมนี้เกียร์จะทำงานครบทั้ง 4 เกียร์ เปรียบเสมือนเป็นการเลือกใช้เกียร์จะทำงานครบทั้ง 4
เกียร์เปรียบเสมือนเป็นการเลือกใช้เกียร์ 4 กับไม่ใช้นั่นเองซึ่งเหตุผลก็คือ
เมื่อต้องการขับรถในทางสูงชันแต่ไม่มากเหมือนในการใช ้ตำแหน่ง 2 เราก็ใช้เพียงเกียร์ 3
โดยไม่ต้องเลื่อนคันเกียร์เพียงแต่ใช้ปุ่ม OD ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้นมากรวมทั้งในกรณีต้องการเชนจ์เก ียร์เพื่อใช้เครื่อง
ยนต์ช่วยเบรค (เอนจิ้นเบรค) เช่น ขณะถนนลื่นหรือลงจากที่สูงก็ใช้ได้
นอกจำโปรแกรมทั่ว ๆ ไปในรถบางรุ่น โดยเฉพาะพวกรถสปอร์ตหรือนั่งจะมีปุ่มที่เขียนว่า
Sport-Comfortปุ่มต่อมาอันนี้จะไม่อยู่ที่หัวเกียร์ ส่วนมากจะอยู่ที่แผงหน้าปัทม์หรือบริเวณคอนโซลข้าง ๆ
คันเกียร์ในรถบางรุ่นจะใช้ Sport Economy โปรแกรมนี้ออกแบบมาให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ช้าลงใน โปรแกรม Sport
หมายถึงจะลากเกียร์ได้ยาวขึ้นและเกียร์จะเปลี่ยนที่ร อบเครื่องยนต์สูงขึ้นกว่าเดิมทำให้ได้อัตราเร่งที่ดี ขึ้น
ต่างจากในโปรแกรม Comfortหรือ Economy ซึ่ง เน้นที่ความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
เกียร์จะเปลี่ยนตั้งแต่ความเร็วรอบเครื่องยนต์รอบที่ ต่ำกว่าเหมือนตอนที่เรา ขับรถเกียร์ธรรมดาตอนที่ไม่รีบร้อนนั่นเอง
ทำให้ผู้โดยารนั่งสบายไม่เกิดการกระชากที่รุนแรงเหมื อนนั่งรถแข่ง
เรา ได้ทราบเรื่องการทำงานและโปรแกรมการสิ่งให้เกียร์ทำง านได้ผู้ขับขี่ในแบบ ต่าง ๆ
เพื่อให้เหมาะสมกับการขับขี่ในลักษณะต่าง ๆ เช่น การขับขี่ในสภาพทางที่เป็นภูเขาสูงหรือต้องการอัตราเ ร่งที่ดีกว่าปกติก็
สามารถลากเกียร์ให้ยาวขึ้นในโปรแกรม Sport การใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรคขณะลงจากทางสูงชัน ผ่านตำแหน่งเกียร์ที่ถูกต้อง
ซึ่งท่านใดที่ยังไม่เข้าใจก็ลองย้อนกลับไปอ่านอีกครั ้งหรือสองครั้งเพราะ
เป็นพื้นฐานความรุ้ที่น่าสนใจสำหรับผู้ไม่คุ้นเคย
เมื่อ คู่ได้พูดถึงโปรแกรมการทำให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ช ้างลงเพื่อให้ลากเกียร์ ได้ยาวขึ้น
เพื่อให้มีการเปลี่ยนเกียร์ในความเร็วรอบเครื่องยนต์ ที่สูงขึ้นกว่าโปรแกรม ธรรมดาซึ่งจะทำให้อัตราเร่งของรถดีขึ้น
ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะเลือกใช้ได้โดยการกดปุ่ม ซึ่งมีเขียนบอกไว้ในแบบต่าง ๆ เช่น Sport-Comfort และ Sport-Economay
รวมทั้งอีกตัวหนึ่งคือคำว่า Power ซึ่งเมื่อครู่ไม่ได้บอกไว้ เผื่อไปเจอจะสงสัยว่าเป็นปุ่มอะไรเอาไว้กดทำไม
เพราะในรถบางรุ่นจะมีเพียงปุ่มกดและคำว่า Power นี้เพียงอย่างเดียว ในลักษณะ On-Off หรือเปิด-ปิด คือ ใช้โปรแกรม
Powerกับไม่ใช้เท่านั้น
“เกียร์ธรรมดาในเกียร์อัตโนมัติ”
โปรแกรมต่อมาที่เห็นในรถบางรุ่นส่วนมากจะเป็นรถสปอร์ ตหรือสปอร์ตซีดาน หรือรถที่มีสมรรถนะค่อนข้างสูง
จะมีปุ่มกดที่เขียนว่า Hold หรือ Auto Manual เพื่อการขับขี่ในลักษณะของเกียร์ธรรมดาเพื่อความคล่อ งตัวยิ่งขึ้น
จึงได้มีโปรแกรมนี้เพิ่มขึ้นมา โดยตำแหน่ง Hold หรือ Manual จะ มีความหมายเดียวกันคือเป็นการล็อคเกียร์ในตำแหน่ง ต่าง ๆ
ไว้ให้เปลี่ยนตามจังหวะการโยกคันเกียร์ของผู้ขับแต่เ พียงอย่างเดียว ไม่ว่ารถจะวิ่งในความเร็วเท่าไรตำแหน่งเกียร์จะเป็นไ
ปตามตำแหน่งของคัน เกียร์ตลอดเวลาทำให้ผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ไ ด้ตามต้องการคือ ต้องการลากรอบเครื่องยนต์ให้สูง
ๆ แล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์เพื่ออัตราเร่งที่ดีหรือต่อเนื ่องยิ่งกว่สในโปรแกรม Sport หรือ Power
หรือต้องการเชนจ์เกียร์ลงมาในเกียร์ต่ำเพื่อการใช้เค รื่องยนต์ช่วยเบรคได้ ตามต้องการ
เช่นเดียวกับการขับรถเกียร์ธรรมดาซึ่งดีกว่าตรงไม่ต้ องเหยียบคลัทช์ทำให้มี ความคล่องตัวและสนุกกว่า
และจะทำได้เฉพาะรถที่มีโปรแกรมนี้เท่านั้นหากเป็นรุ่ นที่ไม่มีปุ่ม Hold หรือ Manual ให้
เลือกการขับขี่จะทำได้เพียงการเข้าเกียร์ในตำแหน่งต่ าง ๆ ด้วยผู้ขับเช่นกัน
แต่จังหวะการเปลี่ยนเกียร์อาจจะไม่เปลี่ยนตามการโยกค ันเกียร์ในทันทีทันใด เช่น
เมื่อต้องการเชนจ์เกียร์เพื่อให้เครื่องยนต์ช่วยเบรค ในขณะที่เครื่องยนต์มี ความเร็วรอบสูง ๆ
เกียร์จะไม่ยอมเปลี่ยนตามเพราะในโปรแกรมของภายในตัวเ กียร์ได้ตั้งให้มีการ
เปลี่ยนเกียร์ตามสภาพความเร็วรอบเครื่องยนต์และแรงบิ ดจากเพลากลาง เมื่อรอบเครื่องยนต์ยังสูงมันจึงไม่ยอมเปลี่ยนเพราะร
ับคำสั่งมาว่าในรอบขนาด นี้มันจะต้องเปลี่ยนเกียร์ให้สูงขึ้น เมื่อเราโยกคันเกียร์มาในเกียร์ต่ำก็เลยยังไม่เปลี่ย
นตำแหน่งตามลงมาจนกว่า รอบเครื่องยนต์จะลดลง ซึ่งต้องเสียเวลาไปชั่วระยะอึดใจตั้งแต่ถอนคันเร่ง
การ ขับรถลงภูเขาควรระวังไว้เช่นกันในกรณีนี้อย่าปล่อยให ้รถไหลในความเร็วสูง ๆ
แล้วมาเชนจ์เกียร์เพราะถ้าความเร็วรอบเครื่องสูงเกิน กำหนดเกียร์จะไม่ เปลี่ยนทันทีทันใดหากไม่มีโปรแกรม Hold กับ Manual
อย่างใดอย่างหนึ่งผู้ขับจะต้องใช้การแตะเบรคช่วยให้ร อบเครื่องลดลง การขับที่ถูกวิธี คือ เมื่อขับอยู่ในตำแหน่งเกียร์ 3
และเมื่อเห็นว่าความชันของเส้นทางที่ลงมีมากจนแรงหน่ วงไม่พอในเกียร์นี้ และรถเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นควรรีบเชนจ์มาเกียร์
2 แต่เนิ่น ๆ ตำแหน่งเกียร์จะเปลี่ยนมาทันที
การออกรถในโปรแกรมนี้จะทำได้เช่นเดียวกับเกียร์ธรรมด าทุกประการคือ เริ่มออกรถในตำแหน่งเกียร์ 1 หรือ L
และสามารถเปลี่ยนเกียร์ 2 ได้ในความเร็วรอบเครื่องต่าง ๆ กันตามต้องการ ไม่ว่าจะเอาแบบลากรอบสูงหรืออยากเปลี่ยนแบบนิ่ม ๆ
ที่รอบปานกลางไปตามลำดับจนถึงตำแหน่ง D ซึ่งในช่วงเกียร์ 2 ได้ในความเร็วรอบเครื่องต่าง ๆ กันตามต้องการ
ไม่ว่าจะเอาแบบลากรอบสูงหรืออยากเปลี่ยนแบบนิ่ม ๆ ที่รอบปานกลางไปตามลำดับจนถึงตำแหน่ง D ซึ่งในช่วงเกียร์ 3 กับ 4
ก็ใช้ปุ่ม OD ร่วมด้วยเท่านั้น รถก็จะมีการเปลี่ยนเกียร์ครบทั้ง 4 เกียร์
การเชนจ์เกียร์ก็ทำได้เช่นเดียวกันโดยย้อนกลับจากตอน ออกรถ
“Kick Down”
โปรแกรม นี้จะมีในรถเกียร์ออโตทุกรุ่นซึ่งไม่มีปุ่มให้กดโดยจ ะอยู่ที่คันเร่งนั่นเอง คือ
การที่เมื่อเราต้องการเชนจ์เกียร์มาในเกียร์ต่ำเพื่อ การเร่งแซงก็เพียงแต่กด ดันคันเร่งลงไปให้มิด
เกียร์จะเปลี่ยนลงไปเป็นเกียร์ต่ำกว่าเกียร์ที่ใช้อย ู่ และรอบเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้น
เพราะเราเหยียบคันเร่งในตำแหน่งเร่งสุดรถจะมีการพุ่ง หรือสปริ้นท์ตัวไปข้าง หน้าอย่างรวดเร็ว
ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเร่งแซง เมื่อแซงเสร็จเรียบร้อยแล้วความเร็วความเร็วรถเพิ่มข ึ้นก็จะมีการเปลี่ยน
เกียร์กลับมาในเกียร์สูงตามเดิมโดยเราไม่ต้องทำอะไรก ับคันเกียร์ นอกจากการเร่งแซงแล้วก็ยังใช้ในโอกาสอื่น ๆ เช่น
การขึ้นที่สูงชัน
เครดิต http://www.hondaloverclub.com/forums/showthread.php?t=11057








