วิธีใช้เกียร์ AUTO อย่างปลอดภัย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
วิธีใช้เกียร์ AUTO อย่างปลอดภัยการใช้รถยนต์เกียร์อัตโนมัติเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากความสะดวกสบายและการขับขี่ที่ง่ายดาย แต่การใช้งานเกียร์อัตโนมัติอย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ทุกคนควรทราบ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ เกียร์ R ต้องตั้งใจเข้าสำหรับรถยนต์รุ่นที่มีร่องคันเกียร์แนวตรงและมีปุ่มกดที่หัวเกียร์ การเข้าเกียร์ไปยังตำแหน่งเกียร์ถอย-R จากเกียร์จอด-P หรือจากเกียร์ว่าง-N จะต้องมีการกดปุ่มที่หัวเกียร์ และในบางรุ่นอาจต้องเหยียบเบรกพร้อมกับกดปุ่มที่หัวเกียร์ถึงจะสามารถเลื่อนไปยังเกียร์ถอย-R ได้ หากไม่ทำตามขั้นตอนดังกล่าว จะไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ได้ เนื่องจากมีสลักล็อกอยู่ แม้จะพยายามดันคันเกียร์ด้วยแรงมากก็ยังไม่สามารถเลื่อนได้ หากสลักล็อกไม่หัก ในกรณีของรถยนต์ที่มีหัวเกียร์แบบมีปุ่ม การเข้าเกียร์ถอย-R จำเป็นต้องมีการกดปุ่ม เพราะเกียร์จะไม่ดีดไปยังตำแหน่ง R เองจาก P หรือ N เกียร์คร่อมตำแหน่ง P-R หรือ N-Rการเลื่อนคันเกียร์ไปมาระหว่างแต่ละตำแหน่งนั้นมีระยะห่างกัน แม้ว่าจะน้อยมาก การคาคันเกียร์คร่อมอยู่ระหว่าง 2 ตำแหน่งไม่ใช่เรื่องง่าย ในกรณีของรถยนต์บางรุ่นที่มีกลไกล็อกเกียร์ หากมีการเข้าเกียร์คร่อมตำแหน่ง P-R หรือ N-R ไว้ การกระแทกหรือแรงสะเทือนก็อาจทำให้เกียร์ดีดเข้า R รถยนต์อาจเคลื่อนที่ได้ อย่างไรก็ตาม โอกาสเกิดเหตุการณ์นี้มีน้อยมาก และหากเกิดขึ้นจริงถือว่ามีความผิดพลาดจากการใช้งานของผู้ขับขี่ ดังนั้นในทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์หรือทำกิจกรรมใดๆ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคันเกียร์อยู่ในล็อกของตำแหน่งที่ต้องการ และไม่คร่อมตำแหน่ง เพราะการทำเช่นนี้ไม่ยากเลย หากคันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง P เพียงแค่กดปุ่มแล้วดันไปข้างหน้าให้สุด หากอยู่ในตำแหน่ง N ก็ไม่ต้องกดปุ่ม แต่หากไม่กดปุ่มบนหัวเกียร์ ยังไงก็เลื่อนไปถึง R ไม่ได้ ดังนั้นถ้าคันเกียร์ค้างคร่อมตำแหน่งอยู่ ก็ถือเป็นความผิดของผู้ขับขี่ เนื่องจากทุกเกียร์มีล็อกที่ชัดเจนอยู่แล้ว กดปุ่มที่หัวเกียร์เท่าที่จำเป็นควรศึกษาระบบการล็อกคันเกียร์ในรถยนต์ของตนเองว่า การเลื่อนจากตำแหน่งใดไปยังตำแหน่งอื่นต้องกดหรือไม่ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ และจำให้แม่นยำ เช่น จาก P หรือ N ไป R ต้องกดปุ่ม (หรืออาจต้องเหยียบเบรกด้วย), จาก R ไป P หรือ N, จาก N ไป D ต้องกดปุ่มหรือไม่ ฯลฯ หากไม่ต้องกดปุ่มแล้วเลื่อนได้ ตลอดการขับก็ไม่ต้องกดปุ่ม โดยไม่ต้องกลัวว่าสลักล็อกจะสึกหรอ เพราะผู้ผลิตออกแบบให้ทำได้เช่นนั้นอยู่แล้ว โดยทั่วไป การเลื่อนคันเกียร์จาก N มา D เพื่อขับเคลื่อนเดินหน้า ไม่ต้องกดปุ่ม เพราะผู้ผลิตต้องการให้สะดวก หากกดปุ่มจาก N มา D อาจเลื่อนไปยังเกียร์ต่ำกว่า D ได้ หรือกรณีที่จะผลักจาก D กลับไป N ก็อาจเลยไป R โดยไม่ตั้งใจได้ จำไว้ว่าถ้าไม่ต้องกดปุ่มแล้วเลื่อนได้ ก็ไม่ต้องกด ในกรณีของ N-D ถ้าไม่ต้องกดปุ่มแล้วเลื่อนไปมาได้ ควรระวังทั้งตนเองและผู้อื่นเมื่อผลักคันเกียร์โดยไม่ตั้งใจ หากต้องจอดแล้วติดเครื่องยนต์ไว้และต้องลงจากรถยนต์ โดยมีผู้อื่นอยู่ในรถยนต์ (โดยเฉพาะเด็กๆ) นอกจากควรดึงเบรกมือไว้แล้ว ยังควรเข้าเกียร์ P ไว้ด้วย โดยไม่ควรเข้าเกียร์ N เพราะอาจมีใครดันคันเกียร์ไปเป็น D ได้ หากต้องกดปุ่ม นั่นก็คือ ต้องตั้งใจเข้าเกียร์นั้นๆ ไม่ใช่การพลั้งเผลอ เพราะไม่มีทางที่จะเลื่อนโดยไม่กดปุ่ม โดยเฉพาะเกียร์ R อย่าไว้ใจเบรกมือเมื่อดึงเบรกมือจนสุด หากรถยนต์อยู่ในสภาพปกติ การเข้าเกียร์ค้างไว้ที่ D หรือ R โดยไม่แตะคันเร่ง รถยนต์จะต้องไม่ไหล แต่ไม่มีความแน่นอนว่าเมื่อไรจะไหล เช่น สายสลิงเบรกมือยืดตัว หรืออาจเกิดการกระตุกเพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ตัด-ต่อการทำงาน แม้เมื่อดึงเบรกมือสุด จะมีแรงกดผ้าเบรกมาก แต่ก็แค่ 2 ล้อ และแรงกดนั้นน้อยกว่าการเหยียบเบรกอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรไว้ใจเบรกมือ ควรคิดเสมอว่า แม้ดึงเบรกมือสุดแล้ว รถยนต์ก็ยังอาจจะไหลได้ สามารถพิสูจน์ว่าเบรกมือไม่ได้มีการเบรกอย่างหนักแน่นได้จากกรณีที่หลายคนลืมดึงเบรกมือค้างไว้ แล้วขับรถยนต์ออกไปได้หลายกิโลเมตรหรือหลายสิบกิโลเมตร โดยที่รถยนต์ไม่ได้มีอัตราเร่งอืดจนแตกต่างจากปกติ นั่นคือ เบรกมือมีแรงเบรกพอสมควรเท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่สามารถขับออกไปได้เมื่อหลายคนหลงลืม การจอดขณะมีการจราจรการจอดบนการจราจรหมายถึงกรณีที่ต้องจอดชั่วคราว เช่น ติดไฟแดงหรือเมื่อจราจรคับคั่ง โดยไม่ต้องสับสนกับกรณีการจอดที่อาจมีปัญหาอื่นๆ ในการจอดติดไฟแดง ผู้ขับควรอยู่ในรถและควรแตะเบรกไว้แล้วค้างไว้ที่เกียร์ D เพื่อป้องกันการสึกหรอจากการสลับไปมาระหว่าง N-D หากจอดนานสักหน่อยสามารถค้างไว้ที่ D พร้อมดึงเบรกมือไว้ได้ ไม่เป็นอันตราย ไม่จำเป็นต้องเลื่อนเกียร์จาก D ผ่าน N ไปยัง P เนื่องจากขณะนั้นมีผู้ขับควบคุมอยู่ การเลื่อนไปที่ P ต้องผ่าน R ซึ่งจะทำให้ไฟถอยหลังสว่างขึ้นชั่วครู่ อาจสร้างความสับสนให้กับผู้ขับรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างหลัง เมื่อออกตัวครั้งต่อไปก็จะขาดความฉับไว เนื่องจากต้องเลื่อนผ่านหลายเกียร์และไฟถอยหลังก็จะสว่างขึ้นอีกครั้ง หากจอดนานหลายๆ นาที บนการจราจร เช่น ติดไฟแดง สามารถปลดไปที่เกียร์ว่าง-N ได้ โดยสามารถเลือกแตะเบรกหรือดึงเบรกมือควบคู่กันตามสะดวก เพราะยังไงก็มีผู้ขับควบคุมอยู่ตามปกติ ไม่ต้องห่วงรถยนต์มากรถยนต์ในไทยมีราคาแพง หลายคนจึงรักรถยนต์ของตนเองมาก แต่ไม่ควรรักมากเกินไป รถยนต์เป็นของนอกกาย และสามารถหาซื้อใหม่ได้ หากมีความเสียหาย เมื่อจอดรถควรใส่เกียร์ P พร้อมดึงเบรกมือ เพราะเป็นการป้องกันไม่ให้รถยนต์ไหลได้ดีที่สุด ดีกว่าใส่เกียร์ N พร้อมเบรกมือซึ่งมีโอกาสเสี่ยงมากกว่า โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นที่สามารถผลักจากเกียร์ N มา D ได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม การรักษาความปลอดภัยให้กับรถยนต์ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ผู้ขับควรใช้ความระมัดระวังในการควบคุมและการจอดรถเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพิ่มสัญญาณเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอย-Rการติดตั้งสัญญาณเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอย-R อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นหรือสิ้นเปลือง แต่จริงๆ แล้วกลับสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ดี ค่าใช้จ่ายรวมการติดตั้งตามร้านประดับยนต์ไม่น่าเกิน 500 บาท หรือหากซื้อจากร้านทั่วไป ราคาหม้อเสียงจะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท นำมาติดตั้งพ่วงกับไฟถอยอย่างง่ายๆ โดยสามารถติดตั้งเองหรือจ้างร้านติดตั้ง ซึ่งไม่น่าจะเกิน 200 บาท หากเสียงดังเกินไปและไม่มีปุ่มปรับเสียง ก็สามารถดัดแปลงได้ง่ายๆ ด้วยการใช้เทปโฟม 2 หน้าปิดทับรูที่เสียงผ่านออกมา ทำให้สามารถปรับระดับเสียงได้ตามความชอบ หากไม่อยากให้เสียงดังเกินไป ก็ให้เสียงเบาหน่อย แต่ถ้าต้องการเตือนคนอื่นด้วย ก็สามารถปล่อยเสียงให้ดังเต็มที่ได้ ความน่ารำคาญเมื่อมีเสียงขณะถอยรถยนต์ในอีกแง่มุมกลับสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีผู้คนหรือสิ่งของอยู่ใกล้เคียง การมีสัญญาณเตือนจะช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้ที่อยู่รอบข้างสามารถรับรู้ว่ารถกำลังถอยและสามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้ สรุปจริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เริ่มจากตรวจสอบว่ารถยนต์รุ่นที่ขับอยู่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้นอกเหนือจากที่เกียร์อยู่ที่ P หรือ N ได้หรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบว่าหากเกียร์คร่อมอยู่กับ R หรือ D จะเป็นเช่นไร หากสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบซ่อมแซม ในการใช้งานจริง ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรต้องแน่ใจว่าอยู่ที่เกียร์ P หรือ N และอยู่ในล็อกจริงๆ ไม่คร่อมอยู่กับเกียร์อื่น ทดลองดูว่าเกียร์ใดบ้างที่ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ หรืออาจต้องเหยียบเบรกควบคู่กันด้วยถึงจะเลื่อนเกียร์ได้ ถ้าระบบออกแบบมาไม่ต้องกดก็เลื่อนได้ โดยเฉพาะระหว่าง N-D4-D3 ส่วนใหญ่ไม่ต้องกดปุ่ม เพราะอาจจะเลยไปยังเกียร์อื่นที่ไม่ต้องการ หากเกียร์ที่ต้องกดปุ่มแล้วถึงจะเลื่อนได้ เมื่อใช้งานไปนานๆ แล้วเลื่อนได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม ให้รีบซ่อมแซม สำหรับการจอดขณะติดเครื่องยนต์แล้วต้องการลงจากรถยนต์ นอกจากการดึงเบรกมือให้สุดแล้ว ควรเข้าเกียร์ P ไว้ นอกจากจะป้องกันรถยนต์ไหลได้ดีแล้ว ยังไม่มีความเสี่ยงที่ใครจะผลักจากเกียร์ N มา D โดยไม่ตั้งใจ ไม่ต้องกลัวว่าเกียร์ P จะเสียหาย เพราะสามารถใช้เมื่อจำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ใช่แค่ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ว่าง-N เพราะการใช้เกียร์ P พร้อมดึงเบรกมือจนสุดจะมีความแน่นอนมากกว่า ควรระวังว่า เบรกมือไม่ควรได้รับความไว้วางใจมากเกินไป ตามปกติแล้วหากเข้าเกียร์ขับเคลื่อนและปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา หากดึงเบรกมือสุด รถยนต์จะต้องไม่ไหล ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ควรปรับตั้งหรือซ่อมระบบเบรกมือ แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจว่าปลอดภัยเสมอ ดังนั้นถ้าต้องจอดขณะติดเครื่องยนต์และไม่มีผู้ขับ ควรเข้าเกียร์ P ควบคู่กันด้วย ถ้าคิดว่าเสียงเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอย-R มีประโยชน์ ก็สามารถหาติดตั้งได้ในค่าใช้จ่ายไม่กี่ร้อยบาท เกียร์อัตโนมัติต้องถูกควบคุมด้วยคน ดังนั้นความปลอดภัยหลักจึงอยู่ที่การใส่ใจของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ
สนใจรถยนต์มือสองคุณภาพดี ติดต่อได้ที่ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บทความเกี่ยวกับ รถยนต์ อื่นๆที่น่าสนใจ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||